บลจ.ทิสโก้เปิด กองทุนเปิด ทิสโก้ US Energy (TUSENGY) ลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 เปิด IPO 27 ม.ค. – 4 ก.พ. 68 เหมาะเป็นกองทุนเพิ่มโอกาสสร้างกำไรตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และใช้สำหรับบริหารความเสี่ยงของพอร์ต โดยการเติบโตของบริการ AI จะกระตุ้นความต้องการใช้พลังงาน ขณะที่ในระยะยาวความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นตัวกระตุ้นทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งบลจ.ทิสโก้มองว่า “หุ้นกลุ่มพลังงาน” เป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ในระยะยาวความต้องการพลังงานของโลกจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Statista data คาดว่าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกไปถึงปี 2593 สอดคล้องกับ VisualCapitalist มองว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเติบโตได้ปีละ 17% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2588 ด้าน RFF มองว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2593
ดังนั้น เพื่อช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนและเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ US Energy (TUSENGY) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ลงทุนใน The Energy Select Sector SPDR (กองทุนหลัก) ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 27 มกราคมถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
“บลจ.ทิสโก้มองว่ากองทุน TUSENGY เหมาะที่จะเป็นกองทุนสำหรับสร้างโอกาสการลงทุนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพราะผลตอบแทนกองทุนมักจะเคลื่อนไหวไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจของโลก นอกจากนี้ ในระยะยาวกองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากความต้องการพลังงานในระดับสูงจากการเข้ามามีอิทธิพลของธุรกิจ AI ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานอย่างมหาศาล” นายสาห์รัชกล่าว
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าลงทุนนั้นข้อมูลจาก SSGA data ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 พบว่า ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติครบวงจรสัดส่วน 40.25% เช่น Chevron Exxon Mobil และ Occidental Petroleum ลงทุนในธุรกิจสำรวจและขุดเจาะ 25.29% เช่น CONOCOPHILLIPS EOG RESOURCES INC ลงทุนในธุรกิจบริการจัดเก็บ และขนส่ง 15.88% WILLIAMS COS INC ONEOK INC และ KINDER MORGAN INC ลงทุนในธุรกิจโรงกลั่น และจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่น 9.56% เช่น Phillip 66 MARATHON PETROLEUM CORP เป็นต้น
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนกองทุน TUSENGY ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกๆ 100,000 บาท รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 100 บาท สูงสุด 1,000 บาท ยอดเงินลงทุน 10 ล้านบาทขึ้นไปรับทองคำหนัก 1 สลึง (1 ท่านต่อ 1 สิทธิ)
บลจ.ทิสโก้สุดปลื้ม บริหารกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ไฟแนนเชียล ทริกเกอร์ 5M#1 (TUSFINT5M1) ถึงเป้าหมายใน 1 เดือน 9 วัน ชี้เร็วๆ นี้เตรียมอออกกองทริกเกอร์ใหม่เพิ่มโอกาสสร้างกำไรให้กับลูกค้า
จากที่ บลจ.ทิสโก้มองเห็นโอกาสลงทุนในหุ้นการเงินสหรัฐฯ โดยประเมินว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงกำไรมีโอกาสปรับขึ้นนั้น
ล่าสุด หุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ออกมาดีกว่าคาด ทำให้บลจ.ทิสโก้ สามารถบริหารกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ไฟแนนเชียล ทริกเกอร์ 5M#1 (TUSFINT5M1) ระดับความเสี่ยง 7 (ความเสี่ยงสูง) ลงทุนในกองทุน Financial Select Sector SPDR Fund ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Financial Select Sector ถึงเป้าหมาย 5% มีมูลค่า NAV เท่ากับ 10.5798 บาท ต่อหน่วยในวันที่ 27 มกราคม 2568
ทั้งนี้ การบริหารกองทุน TUSFINT5M1 ให้ถึงเป้าหมายในครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาบริหาร 1 เดือน 9 วัน นับจากวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นวันจัดตั้งกองทุน นับเป็นกองทุนแรกที่ถึงเป้าหมายในปีนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นมืออาชีพและเป็นตัวจริงในการบริหารกองทุนทริกเกอร์ของ บลจ.ทิสโก้ได้เป็นอย่างดี และในเร็วๆ นี้ บลจ.ทิสโก้เตรียมนำเสนอกองทริกเกอร์อีกครั้ง เพราะมองเห็นโอกาสการลงทุนในช่วงที่หุ้นบางกลุ่มปรับลดลง
โดย ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มาแล้วทั้งหมด 152 กองทุน (ถึงเป้าหมายในระยะเวลา 88 กองทุน และถึงเป้าหมายนอกระยะเวลาลงทุน 32 กองทุน) มีกองทุนที่อยู่ระหว่างลงทุน 1 กองทุน (ยังไม่ถึงเป้าหมายและเกินกว่ากำหนดเวลาลงทุน 31 กองทุน) และกองทุนไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 20 กองทุน