นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนที่เน้นสร้างความยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากการบริหารงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) มีแนวทางการกำกับดูแลที่ดี ชัดเจน และมีความโปร่งใส ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการเติบโตได้ในระยะยาว ทำให้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวกับ ESG เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง รัฐบาลไทยก็ให้การสนับสนุนบริษัทที่ได้ดำเนินงานตามแนวทาง ESG อย่างเต็มที่ และเมื่อปี 2566 ก็ได้มีการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนพร้อมสนับสนุนให้คนไทยมีการออมเงินระยะยาวควบคู่ไปกับการให้สิทธิลดหย่อนภาษี ประกอบกับตลาดทุนไทยอาจยังมีความผันผวน และอยู่ในจังหวะรอการฟื้นตัว จึงทำให้ SCBAM มองว่าสินทรัพย์ลงทุนอย่าง “ESG Bond” หรือ “ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมีความผันผวนและความเสี่ยงต่ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ และการสิ้นสุดของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อเพิ่มผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ขณะเดียวกัน การลงทุนกับ ESG Bond ยังเป็นโอกาสช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย SCBAM จึงเปิดเสนอขายกองทุน SCBTB(ThaiESGA) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ไทยยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) ที่ครอบคลุมนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ ESG ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกองทุนจะมีกำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 2 – 16 กันยายน 2567 พร้อมมอบแคมเปญพิเศษต้อนรับผู้ลงทุนใหม่ที่ยังไม่เคยมีเงินลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีของ SCBAM(*) โดยมอบ Fund Back สูงสุด 600 บาท เมื่อลงทุนในช่วงเสนอขายครั้งแรก

นางนันท์มนัส กล่าวว่า กองทุน SCBTB(ThaiESGA) มีจุดเด่นจากการลงทุนในตราสารหนี้ ESG ทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 เน้นบริหารแบบเชิงรุกโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างมีเสถียรภาพ ผสานจุดแข็งของข้อมูลปัจจัย ESG ไปกับ ESG Transition Trend และลดความเสี่ยงจาก ESG Risk ควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของกิจการ โดยคัดเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังคํ้าประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability – linked bond)  ซึ่งผ่านกระบวนการวิเคราะห์การลงทุนแบบ ESG Integration

“การลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG ไม่เพียงแต่สนับสนุนให้ธุรกิจรวมถึงองค์กรต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนจากการลงทุนระยะยาวพร้อมทั้งสิทธิลดหย่อนภาษี โดยล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ออกประกาศรองรับเกณฑ์เงื่อนไขใหม่ของกองทุน Thai ESG เพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน โดยสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และถือครอง ปีนับจากวันซื้อ (แบบวันชนวัน) โดยวงเงินลงทุนนี้จะแยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีที่กำหนดไว้ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ อีกด้วย” นางนันท์มนัส กล่าว

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *