DAOL REIT: ‘กองทรัสต์ KTBSTMR’ เตรียมจ่ายประโยชน์ตอบแทนงวดไตรมาส 4 ปี 2567 ในอัตรา 0.1760 บาทต่อหน่วยทรัสต์ เป็นจำนวนเงินประมาณ 53.06 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยเตรียมรับเงินวันที่

ย้ำสินทรัพย์มีคุณภาพและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2567  แม้ดอกเบี้ยสูงกระทบผู้เช่าบางราย เผย กองทรัสต์เปิดรับการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด

นายพลสิทธิ ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดาโอ รีท แมเนจเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ‘DAOL REIT’  ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์  เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เคทีบีเอสที มิกซ์ หรือ ‘KTBSTMR’ ได้พิจารณาจ่ายประโยชน์ตอบแทนไตรมาสที่ 4 ปี 2567 สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ในอัตรา 0.1760 บาทต่อหน่วยทรัสต์ เป็นเงินประมาณ 53.06 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนแบบปรับปรุงเต็มปี (Annualized) ที่ประมาณ 7.0%/1 เมื่อเทียบกับราคาพาร์ (ที่ 10.00 บาท/หน่วย) หรือประมาณ 11.6%/2 เมื่อเทียบกับราคาตลาด (ณ วันที่ 25 ก.พ. 2568 ที่ 6.05 บาท/หน่วย)

โดยการจ่ายผลตอบแทนไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ยังสะท้อนถึงการบริหารสินทรัพย์ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ DAOL REIT กำหนดจ่ายประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 28 มีนาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทน (Record Date) ในวันที่ 12 มีนาคม 2568

ทั้งนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อสูงขึ้นในปี 2567 ส่งผลให้ผู้เช่าบางรายมีการต่อรองค่าเช่า หรือไม่ต่อสัญญาเช่า ส่งผลให้ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ต้องมีการปรับตัว อย่างไรก็ดี ด้วยทรัพย์สินที่เช่าของกองทรัสต์ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์สำหรับปี 2567 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง โดยยังสามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามปกติ

โดยเมื่อพิจารณาตลอดปี 2567 กองทรัสต์ KTBSTMR จ่ายผลตอบแทนรวมกันเป็นจำนวน 0.7002 บาทต่อหน่วย หรือ เป็นจำนวน  211.11 ล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7.0%/3 เมื่อเทียบกับราคาพาร์  ทั้งนี้ หากพิจารณาการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกองทรัสต์ KTBSTMR ตั้งแต่การจัดตั้งกองทรัสต์เมื่อเดือน พ.ย. 2564 จนถึง งวดปัจจุบัน ได้มีการจ่ายผลตอบแทนรวมเป็นจำนวนเงินถึง 2.2190 บาทต่อหน่วย

“ปัจจุบันกองทรัสต์ KTBSTMR ยังมีสัดส่วนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ (สัดส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจ่าย (interest-bearing debt) เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 16.7) ซึ่งกองทรัสต์มีรายได้ในระดับที่สูงเพียงพอในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้ยืม และ ในอนาคตยังสามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการลงทุนเพิ่มได้” นายพลสิทธิ กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน กองทรัสต์ให้ความสำคัญในเรื่อง ESG โดยได้ดำเนินการเพื่อติดตั้งระบบ Solar Roof Energy บนอาคารต่างๆ ในโครงการสำนักงานและคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานของกองทรัสต์แล้ว ยังมุ่งสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตลอดจน ก่อให้เกิดคุณค่าที่ยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *