นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนสิงหาคม 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 116.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.2% จากเดือนก่อนหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” นักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์โรคระบาด COVID–19 รองลงมาคือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และการไหลออกของเงินทุน
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนสิงหาคม 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
“ผลสำรวจ ณ เดือนสิงหาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มแทบทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นโดย นักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 18.3% อยู่ที่ระดับ 127.42 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 12.0% อยู่ที่ระดับ 140.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 39.5% อยู่ที่ระดับ 106.67 ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติทรงตัว อยู่ที่ระดับ 100.00
ในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามตลาดโลกจากการที่นักลงทุนคาดว่า FED จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง รวมถึงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน SET Index ปรับตัวลงเล็กน้อย หลัง FED ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับสถาณการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยตลอดทั้งเดือนสิงหาคม 2565 SET index เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่าง 1,589.16—1,644.78 และ SET Index ณ สิ้นเดือนปิดที่1,638.93 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในเดือนสิงหาคม 2565 กว่า 57,014 ล้านบาท รวมนักลงทุนต่างซาติซื้อสุทธิตลอดปี 2565 เป็นมูลค่า 170,743.71 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ COVID-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน รวมถึงนโยบาย Zero–COVID ของจีนที่ยังคงมีการประกาศ Lockdown เป็นระยะ ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศโดยเฉพาะ FED และปัญหาค่าเงินอ่อนลงอย่างมากในกลุ่ม Emerging market ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม
ได้แก่ การเฝ้าระวังการระบาด COVID-19 ในประเทศซึ่งมีเพิ่มขึ้นหลังเปิดให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคท่องเที่ยว รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูงจากการที่ราคาอาหาร และพลังงานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”