บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ ประกาศอัตราดอกเบี้ยเบื้องต้นของหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds : SLB) จำนวน 4 รุ่น ที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในประเทศไทย อายุประมาณ 2 ปี ถึงอายุประมาณ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 2.80% – 4.70% ต่อปี
กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน พร้อมเสนอขายระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 พฤศจิกายนนี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 19กันยายน 2565
สำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 2.80% – 2.95% ต่อปี รุ่นอายุ 4 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 3.70% – 3.85% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 4.20% – 4.35% ต่อปี และรุ่นอายุ 9 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 4.55% – 4.70% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายของแต่ละรุ่นอีกครั้งหนึ่ง
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้เสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนหรือ SLB ที่จะออกและเสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน
เพราะหุ้นกู้ SLB เป็นมิติใหม่สำหรับการลงทุนที่จะตอกย้ำว่า เรื่องของความยั่งยืนไม่ได้เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมที่เกี่ยวข้องกับทุกคน และเป็นพัฒนาการด้านการลงทุนที่ผู้ลงทุนจะสร้างความยั่งยืนไปพร้อมๆ กับบริษัท ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ และความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้
ทั้งนี้ หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนเป็นหุ้นกู้ที่มีข้อตกลงหรือเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้ต้องดำเนินการตามภาระผูกพันเพิ่มเติม โดยข้อตกลงหรือเงื่อนไขในการดำเนินงานตามภาระผูกพันดังกล่าว จะอ้างอิงกับผลสำเร็จหรือผลการดำเนินการตามตัวชี้วัด (KPI) และเป้าหมายด้านความยั่งยืน (SPT) ของผู้ออกหุ้นกู้ในอนาคตที่จะทำให้เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรวม
สำหรับตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ “บีทีเอส กรุ๊ปฯ” ที่ใช้ในการอ้างอิงสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้ มี 2 ด้าน ได้แก่ 1) ตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ซึ่งเป็นสายหลักของบริษัทฯ ในปัจจุบัน) โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ มีเป้าหมายลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 8% จากการดำเนินงานปกติ ภายใน 9 ปี หรือ ภายในปี 2574
และ 2) ตัวชี้วัดด้านปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทมีเป้าหมายในการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10% ในแต่ละปีของการใช้ไฟฟ้าสำหรับการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สำหรับรายละเอียดของตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนดังกล่าวสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)
“การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทฯ ในครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Strategy) ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ โดยการคงสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และกำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างน้อย 10% ของการดำเนินงาน” นายสุรยุทธ กล่าว
โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการยอมรับในด้านการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล อาทิ ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (DJSI) เป็นระยะเวลา 4 ปี ติดต่อกัน (ปี 2561-2564) ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนี FTSE4Good Index Series ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของโลก 2 ปีซ้อน จาก DJSI (DJSI Industry Leader)
ในกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทในกลุ่มขนส่งทางรางแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองว่าเป็นบริษัทที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์หรือ Carbon Neutral Transportation Company จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย
ล่าสุด บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 170 บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนหรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนในกลุ่มบริการ (Services)โดย บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มุ่งเน้นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับทั้งด้านผลประกอบการ ตลอดจนมีจริยธรรม รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่กับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม หรือ ESG (Environmental Social and Governance)
หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ กำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sec.or.th/หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
– ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Bualuang mBanking (https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Digital-Banking/Bualuang-mBanking/)
– ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next
– ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน
https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819 ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 02-796-0000 หรือ 02-796-0011
– ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY
–ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน CIMB Thai Digital Banking