ผู้ถือหุ้น บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ไฟเขียวลงมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 65 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท เตรียมรับทรัพย์ 22 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ “สมโภชน์ วัลยะเสวี” ปักหมุดรายได้ปี 66 ไม่น้อยกว่า 1,850 ล้านบาท วางกลยุทธ์ขยายตลาดเชิงรุกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง เน้นกลุ่มที่มีศักยภาพ เช่น ผลิตภัณท์ทางการแพทย์ (Medical) มุ่งสร้างความยั่งยืนของอัตรากำไรขั้นต้นให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิต และจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 0.013 บาท และจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 0.017 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 24,300,000 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 28 เมษายน 2566 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 เมษายน 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้โตแบบ Organic growth จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 1,850 ล้านบาท จากกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณท์ทางการแพทย์ (Medical) ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าช่วยผลักดันการเติบโตได้เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนของอัตรากำไรขั้นต้นให้มั่นคงในระยะยาว
ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 200 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมที่ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 180 ล้านเมตรต่อปี ทั้งนี้ กำลังการผลิตสามารถขยับได้ถึง 280 ล้านเมตรต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถรับงานเพิ่มได้อีกจำนวนมาก หากได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมหรือได้รับลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา
“แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง พร้อมกับการทยอยปรับราคาขายให้เหมาะสมกับต้นทุน และจากนโยบายจัดหาวัตถุดิบด้วยต้นทุนคงที่ในระยะยาวเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงกับการผันผวนของราคาในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเข้ามาเพื่อทดแทนวัตถุดิบที่มีราคาสูง ประกอบกับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง ซึ่งบริษัทมีความพร้อมทั้งทางด้านเครื่องจักร ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด”ดร.สมโภชน์ กล่าวในที่สุด