บมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR โชว์ผลงานโดดเด่นต่อเนื่อง ทำรายได้รวมไตรมาส 3/2565 ที่ 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับรายได้และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโตมากขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
จากความสำเร็จในการออกบัตรติดล้อแล้วกว่า 446,000 ใบและการออกแคมเปญที่ผ่านมา การขยายสาขา และเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ส่วนไตรมาส 4 วางกลยุทธ์ขยายสาขาและบัตรติดล้ออย่างต่อเนื่อง
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือTIDLOR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 มีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 3,930 ล้านบาท เติบโต 34.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 901ล้านบาท เติบโต 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับเป้าหมายอัตราเติบโตที่วางไว้ 23 – 28% และ 30 – 35% ตามลำดับ ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 10,907 ล้านบาท เติบโต 25.0% และมีกำไรสุทธิ 2,823 ล้านบาท เติบโต 18.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มาจากการวางกลยุทธ์ขยาย “บัตรติดล้อ” (TIDLOR Card)อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการกดเงินตามวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันมีจำนวนบัตรติดล้อที่ออกให้แก่ลูกค้าแล้วกว่า 446,000 ใบ
และได้รับผลตอบรับที่ดีจากการจัดแคมเปญบัตรติดล้อสำหรับลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในกลุ่มรถยนต์และรถกระบะในเดือนมีนาคม – พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ขณะที่อัตราเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก1.39% ณ ไตรมาส 2/2565 มาอยู่ที่ 1.52% ซึ่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในอัตราไม่เกิน 2%
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 กำไรสุทธิยังคงระดับที่ 900 ล้านบาท เติบโตได้ดีจากปีที่ผ่านมา แม้จะมีการตั้งสำรองหนี้สูงถึง 270 ล้านบาท โดยเราพอใจกับจุดยืนที่แข็งแกร่งในการมีอัตราสำรองหนี้สูงสุดในอุตสาหกรรม และมั่นใจว่าการตั้งสำรองนั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากภาวะต้นทุนด้านเครดิตขาขึ้น
อย่างไรก็ตามเรายังสามารถดำรงอัตราเอ็นพีแอล หรือ อัตราหนี้เสีย ได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันและกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ นอกจากนั้นการดำเนินงานที่ผ่านมาสะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่ถูกทาง โดยปริมาณการกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับผ่านบัตรติดล้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยก็มีอัตราเติบโตที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยมีค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสูงถึง 1,642 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ล่าสุดเราได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ให้ลูกค้าสามารถต่ออายุประกันได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ลดระยะเวลาการเดินทาง และยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทอีกทางหนึ่งด้วย” นายปิยะศักดิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ กล่าวว่า กลยุทธ์ในไตรมาส 4/2565 ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงการให้บริการแก่ลูกค้า พร้อมทั้งปรับเป้าการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น จากแผนงานเดิมที่วางไว้ที่ 300 สาขา โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 มีสาขาที่เปิดบริการวม 1,574 แห่ง
ขณะเดียวกันจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนเพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจ รวมถึงขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัย ด้วยการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างทางการเงินด้วยการกระจายแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงออกตราสารหนี้ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยอายุของลูกหนี้ในแต่ละช่วง รวมถึงรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนและรับมือกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
นอกจากนี้กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามากำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อ และการจัดระเบียบเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะไม่กระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากพอร์ตรายได้หลักมาจากสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและยังคงเน้นสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวเป็นหลักต่อไป