Krungthai COMPASS มองซาอุดิอาระเบียเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง อานิสงส์จากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและแรงหนุนจากนโยบายปฏิรูป “Saudi Vision 2030”  คาดการส่งออกไทยไปซาอุฯสูงถึง 1.แสนล้านบาท เติบโต เท่า จำนวนนักท่องเที่ยวซาอุฯแตะ แสนคนในอีก ปีข้างหน้า  แนะผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการค้า ภาคบริการ และการลงทุน ขยายตลาดหรือหาช่องทางลงทุน สร้างการเติบโตในอนาคต

ดร. ฉมาดนัย มากนวล ผู้อำนวยการฝ่าย Business Risk and Macro Research ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เป็นปัจจัยเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทั้งสองประเทศ  โดยการส่งออกสินค้าของไทยไปซาอุฯและจำนวนนักท่องเที่ยวจากซาอุฯ กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังฟื้นความสัมพันธ์  ขณะที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้กระชับความร่วมมือทางธุรกิจ หนุนเศรษฐกิจไทยให้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากแผนปฏิรูปประเทศของซาอุฯ  หรือ  “Saudi Vision 2030” ที่มีเป้าหมายเพิ่มมูลค่า GDP เป็น เท่า ภายในปี 2573 (เทียบจากปี 2559)  ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Nonoil economy) มูลค่ากว่า ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  ช่วยสร้างงานใหม่ถึง ล้านตำแหน่ง  ถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง  เป็นโอกาสสำหรับการส่งออกสินค้า และการดึงดูดนักท่องเที่ยวซาอุฯมาไทย 

Krungthai COMPASS  คาดการณ์ว่า จากการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและ Saudi Vision 2030 จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นถึง 57,018 ล้านบาท คิดเป็น 0.21% ของ GDP โดยมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุฯในปี 2573 มีโอกาสสูงถึง 1.แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า เท่า จากปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

และคาดว่านักท่องเที่ยวซาอุฯจะมีโอกาสแตะ แสนคนในอีก ปีข้างหน้า สร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวไทยราว 32,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจากช่วงก่อนเกิดโควิด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังจะช่วยหนุนการเติบโตของ GDP ตามศักยภาพในระยะยาวอีกด้วย” 

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตและแรงหนุนจากนโยบาย Saudi Vision 2030  จะสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการ ด้านหลักๆ ได้แก่

1.โอกาสทางการค้า โดยการส่งออกไปซาอุฯ เติบโตแบบก้าวกระโดดหลังฟื้นความสัมพันธ์  และมีโอกาสเติบโตมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพสูง โดยมองว่า สินค้าไทยที่เป็น Rising Star ในตลาดซาอุฯ ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอาหาร เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง 

ซึ่งกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งตลาดในซาอุฯ ไม่มากนัก จึงมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดคืน อีกทั้งเป็นสินค้าที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ด้านความมั่นคงทางอาหารของซาอุฯ สินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เหล็ก และปูนซีเมนต์ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง และสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

2.โอกาสของธุรกิจภาคบริการ ประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยว Healthcare และอสังหาริมทรัพย์ จะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเติบโตของลูกค้าชาวซาอุฯ ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการจับจ่ายใช้สอยสูงและมีระยะเวลาพำนักในไทยยาวกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น 

3.โอกาสการลงทุน คาดการณ์ว่าจากแผนการส่งเสริมการลงทุนของทางการและภาคเอกชน  จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากซาอุฯได้ประมาณ 3แสนล้านบาท นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทย ยังมีโอกาสไปลงทุนในซาอุฯ จากอานิสงส์นโยบายเปิดรับนักลงทุนต่างชาติภายใต้ “Saudi Vision 2030” โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายคือ อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ อาหารแปรรูป ก่อสร้าง อสังหาฯ ท่องเที่ยว และยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขัน

จากศักยภาพด้านธุรกิจและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว จะส่งผลให้ธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ของไทยมีความพร้อมในการให้บริการทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งธุรกรรมการโอนเงินสกุลท้องถิ่นของซาอุดิอาระเบีย “ซาอุดิ ริยัล (Saudi Riyal)” ของธนาคารกรุงไทย  เป็นอีกตัวอย่างที่จะหนุนผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *