บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เดินหน้ากลยุทธ์ “GO Board” ต่อยอดขยายฐานธุรกิจ พัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ มองตลาดจีนและอเมริกาเติบโตโดดเด่นเตรียมเพิ่มช่องทางขายในแคนาดา ผ่านห้างเทรดเดอร์โจส์ (Trader Joe’s) และห้างคอสโค (Costco) พร้อมกลับมารุกสร้างแบรนด์เต็มที่ผ่านกลยุทธ์ Idol Marketing เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “วิน เมธวิน” และทำแคมเปญร่วมกับตัวการ์ตูน BT21” บนผลิตภัณฑ์สาหร่ายอบ

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่าหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกทยอยคลี่คลาย มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งในช่องทางจัดจำหน่ายแบบ Modern Trade (MT) และ Traditional Trade (TT) โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลัก ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องติดตามปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้ แต่ปัจจัยดังกล่าวยังไม่กระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งดำเนินกลยุทธ์ “Go Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ทำให้บริษัทปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับแผนงานในอนาคต

หลังจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ต่อไปคือ GO Boardหรือการขยายฐานธุรกิจห้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ประเทศจีน ที่ภายหลังเริ่มมีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มียอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนในครึ่งปีหลังของปี 2565 จะเข้ามามากกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน สูงกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดคำสั่งซื้อเฉลี่ย 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน อีกทั้งได้แต่งตั้งGeneral Manager หรือ GM ประจำพื้นที่ เพื่อเป็นคีย์แมนที่สำคัญในการบริหารจัดการและวางแผนการตลาดควบคู่กัตัวแทนจำหนส่ายสินค้าทั้ง 2 รายในประเทศจีน

ขณะที่ตลาดในสหรัฐอเมริกา ได้นำแบรนด์ใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายของเถ้าแก่น้อยเพื่อทำตลาด ภายใต้ชื่อ NORA (โนระ)​ ด้วยการกระจายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด​และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อในไตรมาส 2/2565 เติบโตเกือบ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) นับตั้งแต่เริ่มทำการตลาดปี 2561 ซึ่งหนึ่งในการเติบโตมาจากการที่ TKN มุ่งเน้นเจาะตลาด Mainstreamที่เป็นชาวอเมริกันในท้องถิ่น วางแผนเตรียมเพิ่มช่องทางขายผ่านร้านค้าเครือใหญ่อย่าง ทรดเดอร์โจส์ (Trader Joe’s) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 3/ 2565 หรือไตรมาส 4/ 2565 เป็นต้นไป อีกทั้งได้เริ่มขยายตลาดบรนด์โนระเข้าสู่ประเทศแคนาดา ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในห้างคอสโค (Costco) โดยบริษัทฯ กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในโซนยุโรปเพิ่มเติมอีกด้วย

ปัจจุบันสินค้าจากเอเชียเข้าไปตีตลาดประเทศในแถบยุโรปมากขึ้น ผ่านการจัจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรด ซึ่ง TKN ได้นำแบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่ายทำตลาดภายใต้ชื่อ โนระ (NORA) ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่เป็นสาหร่ายสแน็ค จึงเป็นตลาด Blue Oceanที่ยังไม่มีคู่แข่ง ประกอบกับชื่อเสียงของเถ้าแก่น้อยที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ึ่งประเมินว่าจะเติบโตเรื่อยๆ ในระยะ 4 5 ปีหลังจากนี้ เหมือนกับตลาดในประเทศจีน นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มที่ ผ่านการใช้กลยุทธ์ Idol Marketing ที่สาหร่ายเถ้าแก่น้อยให้น้ำหนักสำคัญมาโดยตลอด และจะเน้นให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มแฟนคลับและลูกค้ามากกว่าการขายของเพียงอย่างเดียว เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด 19 โดยล่าสุดได้ดึงวิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร นักแสดงหนุ่มสุดฮอตจากซีรีส์ชื่อดังมานั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์

พร้อมกันนี้ TKN ได้เพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่ๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในปีนี้ คือ สาหร่ายอบ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพ และผู้บริโภคคนไทยนิยมทานตามกระแสซีรีย์เกาหลี โดยเพิ่มความเฟรนด์ลี่ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแฟนคลับ จึงได้ร่วมกับ BT21 ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนของ LINE FRIENDS ที่ออกแบบโดยวงไอดอลเกาหลีชื่อดังระดับโลก BTS ซึ่งภายหลังจากวางจำหน่ายก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงคาดว่าจะช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจสาหร่ายเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์สาหร่ายโรยข้าว แม้เปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ได้รับผลตอบรับน่าพอใจ โดยจะมีการปรับสูตรและพัฒนารสชาติหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางขายผ่านการไลฟ์สด (Live) ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาด E-Commerce ขณะนี้ โดยดึงเอานักแสดงคู่จิ้นมาเป็นผู้นำเสนอสินค้าผ่านหลายแพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมกันในหลายประเทศ เช่น ไทย และจีน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี จึงวางแผนเพิ่มความถี่จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง และคาดว่าจะพัฒนาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในอนาคต

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *