วายแอลจีเผยข้อมูลจากสภาทองคำโลกครึ่งปีแรกตลาดทองคำแข็งแกร่ง ทองคำกายภาพยอดซื้อพุ่งเกือบ 2.2 พันตัน เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกสำรองทองคำเพิ่ม 270 ตัน เฉพาะไตรมาส 2 สำรองเพิ่ม 180 ตัน พบผลสำรวจธนาคารกลาง 25% คาดจะถือครองทองคำเพิ่ม
และไม่มีแผนที่จะลดการถือครองทองคำใน 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนความต้องการทองธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นบวก มองทองครึ่งปีหลังแม้เป็นเทรนขาลง แต่แนะหาโอกาสรอซื้อสะสมเพื่อขายทำกำไรในระยะยาว เหตุทองช่วยรักษาค่าเงินและป้องกันความเสี่ยงจากเหตุไม่สงบ รวมถึงความขัดแย้งจีน – สหรัฐ กรณีเยือนเกาะไต้หวันที่ยังต้องจับตา
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า สภาทองคำโลก (Wolrld Gold Council) ได้เปิดเผยข้อมูลว่าครึ่งแรกของปี 2565 ตลาดทองคำมีความต้องการทางกายภาพที่แข็งแกร่งโดยมีจำนวนทั้งสิ้น 2,189 ตัน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว แม้ว่าความต้องการทองคำจะชะลอตัวในไตรมาสที่ 2 แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่คงอยู่ควบคู่ไปกับความไม่แน่นอนของตลาดที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจะทำหน้าที่เป็นอุปสรรคสำคัญของทองคำ
อย่างไรก็ดีในจำนวนนี้พบว่าธนาคารกลางทั่วโลกได้ทำการสำรองทองคำเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกถึง 270 ตัน การเข้าซื้อในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้นำโดยตุรกีที่ถือครองทองคำเพิ่ม 63 ตัน ตามมาด้วยอียิปต์ 44 ตัน อิรัก 34 ตัน และอินเดีย 15 ตัน ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของการซื้อที่แข็งแกร่งที่ต่อเนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว และสภาพทองคำโลกได้คาดว่าทั้งปี ความต้องการของธนาคารกลางในปี 2565 จะเท่ากับระดับเดียวกับปี 2564
สำหรับการสำรองทองคำเฉพาะในไตรมาส 2/2565 การซื้อสุทธิของธนาคารกลางทั่วโลกอยู่ที่ 180 ตัน เฉพาะเดือนมิถุนายน พบว่าธนาคารกลางทั่วโลกได้ซื้อทองคำสำรองสุทธิ 59 ตัน ซึ่งถือเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่ไม่พบรายงานยอดขาย –ขณะที่ธนาคารกลางอิรักเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในเดือนมิถุนายน โดยเพิ่มทองคำสำรอง 34 ตัน นี่เป็นการเพิ่มครั้งแรกของอิรักตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ตามด้วย อุซเบกิสถาน 9 ตัน ตุรกี 8 ตัน คาซัคสถาน 4 ตัน และอินเดีย 4 ตัน
นอกจากนี้ยังพบว่าผลสำรวจ Central Bank Gold Survey 2022 ของ สภาทองคำโลก และ YouGov พบว่า ธนาคารกลาง 25% คาดว่าจะเพิ่มการถือครองทองคำของตน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 21% ในผลสำรวจปีที่แล้ว และที่สำคัญ คือ “ไม่มี” ธนาคารกลางใดวางแผนที่จะลดทองคำสำรองในอีก 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสัญญาณทองคำในช่วงครึ่งปีหลังมีลักษณะแกว่งตัวในทิศทางลง แต่ YLG มองว่าระยะยาวยังมีโอกาสแข็งแกร่ง เนื่องจากสัญญาณความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นบวก ส่วนหนึ่งมองว่าเพื่อรักษาค่าเงินรวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบจากความขัดแย้งของจีน–สหรัฐ กรณี เยือนเกาะไต้หวัน ยังต้องจับตามอง จึงทำให้นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับการเข้าซื้อทองคำ โดยจะเห็นได้จากความต้องการทองคำในภาคการลงทุน ETF ทองคำที่แข็งแกร่ง ผลักดันความต้องการทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ทำสถิติเป็นครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ปี 2553
โดย ETF ทองคำทั่วโลกมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 272.7 ตันในไตรมาส 1ของปี 2565 แม้จะเกิดการไหลออกของเงินทุนราว 39ตันในไตรมาส 2 แต่โดยรวมแล้วความต้องการทองคำในภาคการลงทุน ETF ทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2564 ถึง 35% ส่วนความต้องการทองคำในภาคการลงทุนทองคำแท่งและเหรียญในไตรมาส 2 ของปีทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าโดยอยู่ที่ระดับ 244.5 ตัน
ทั้งนี้วายแอลจีแนะนำนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำ ระยะสั้น แนะนำเล่นรอบโดยเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,731–1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) ดูบริเวณแนวรับ 1,711-1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร ส่วนทองคำในประเทศคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 29,350-30,200 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีการที่ทองคำมีสัญญาณชะลอตัวในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีของผู้ที่ต้องการออมทอง เนื่องจาก YLG มีบริการออมทองสามารถเริ่มออมได้เพียงเงินลงทุน 100 บาท ด้วยขั้นตอนที่สะดวกผ่านสมาร์ตโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ โดยผู้ออมที่สะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 กรัมขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนการสมัครง่ายๆ เพียงเปิดบัญชีออมทองที่ www.ylggoldsaving.com ใช้เอกสารเปิดบัญชีเพียง 3 อย่าง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก เมื่อสมัครเปิดบัญชีพร้อมแนบไฟล์เอกสารและถ่ายรูปคู่บัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มต้นการออมทองได้ทันที
โดยเลือกออมได้ 2 รูปแบบ ทั้ง การออมทอง แบบรายวัน เริ่มเพียง 100 บาท สามารถกดออมในระบบด้วยตนเอง ตามวัน เวลา ที่สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องออมทองทุกวัน สามารถเพิ่มยอดการออม และจำนวนครั้งในการออมต่อวันได้เช่นกัน ส่วนรูปแบบที่ 2 คือ การออมทอง แบบรายเดือน เริ่มต้น 1,000 บาทต่อเดือน ในรูปแบบของการหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ซึ่งสามารถกำหนดวันตัดรอบบิลได้ด้วยตนเอง และยังสามารถกดออมทองรายวันเพิ่มได้เช่นกัน นอกจากนั้น การถอนเงินจากระบบออมทอง จะไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆในการทำธุรกรรมเมื่อถอนเงินขั้นต่ำ 3,000 บาท ขึ้นไป