“อนิล สาทร 12” (ANIL Sathorn 12) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี หนึ่งในโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดแห่งการตอบโจทย์ความต้องการในทุกแง่มุมของชีวิต ภายใต้แนวคิด “Luxury Redefined” นิยามใหม่ของที่พักอาศัย–คุณภาพชีวิตที่ดีในระดับสากล บนทำเลใจกลางย่านสาทร
ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีเซนต์หลุยส์ แบบ 0 เมตร พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย สะท้อนปัจจัยของความสุขที่ยั่งยืน 7 ประการกับการเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่การันตีมาตรฐานความเป็นอยู่ระดับโลกด้วย WELL Building Standard เสร็จสมบูรณ์ พร้อมเป็นเจ้าของแล้ววันนี้
นางสาวทัดดาว จิระสวัสดิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัดหรือ GRAND UNITY – “Makes Sense.” กล่าวว่าโครงการ “อนิล สาทร 12” (ANIL Sathorn 12) เป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีโครงการแรกจากแกรนด์ ยูนิตี้ ที่บรรจงสร้างสรรค์เพื่อมอบความเป็นที่สุดแห่งการตอบโจทย์ความต้องการในทุกแง่มุมของชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Luxury Redefined” ที่ตั้งใจสื่อสารความ ‘Luxury’ หรือ‘ความหรูหรา’ ในมุมที่แตกต่าง ด้วยความเชื่อที่ว่า“Health is Wealth” โดยคำนึงถึงสุขภาพที่ดีรอบด้านเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน และ “ความเป็น–อยู่–ดี”ของผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ได้สัมผัสชีวิตที่สมบูรณ์แบบรอบด้าน เหนือระดับในทุกรายละเอียด เพียบพร้อมไปด้วยคุณค่าของคุณภาพชีวิตที่เป็นแก่นแท้ของที่พักอาศัย
“เรามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการ “อนิลสาทร 12” (ANIL Sathorn 12) ให้มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ของแกรนด์ ยูนิตี้ และโดดเด่นยิ่งกว่าที่พักอาศัยอื่นๆ ในไทย โดยนำมาตรฐานความเป็นอยู่ระดับโลกที่ใส่ใจสุขภาพการใช้ชีวิตภายในอาคารอย่าง WELL Building Standard มาใช้ในโครงการ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดี พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยอย่างยั่งยืน และใส่ใจในทุกรายละเอียดให้สัมผัสได้จริงโดยคำนึงถึงความสำคัญของปัจจัยสุขภาพให้ครอบคลุมทั้ง 7 ชนิด
ได้แก่ คุณภาพอากาศ (Air), คุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ (Water), สุขภาวะด้านอาหาร(Nourishment), สุขภาวะด้านแสงสว่าง (Light), สุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย (Fitness), ความสบาย (Comfort) และสุขภาวะทางจิตใจ(Mind) และจากการมุ่งมั่นพัฒนาในครั้งนี้ ทำให้ อนิล สาทร 12 ได้รับรางวัลการันตีการอยู่อาศัยด้วยสุขภาวะที่ดีอย่าง WELL Multifamily Residential Certified™ ระดับ Gold จาก IWBI หรือInternational Well Being Institute ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ และองค์กรชั้นนำระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับรางวัลนี้
สำหรับโครงการ อนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางย่านสาทร ซึ่งเป็นทำเลที่มีความเจริญทางธุรกิจ ถือว่าเป็น Real CBD หรือใจกลางเขตธุรกิจของกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริงด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีเซนหลุยส์เพียง 0 เมตร และความเจริญในด้านธุรกิจ สถานศึกษา สถานพยาบาล ระบบขนส่ง และแหล่งไลฟ์สไตล์ จึงทำให้ย่านสาทรเป็นทำเลศักยภาพที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุกวัน อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยการคมนาคมที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ หรือจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากตัวโครงการล้อมรอบด้วยถนนสายหลักทั้งถนนสาทร, ถนนสีลม และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนสายหลักถึง 2 สาย ได้แก่ ทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางด่วนศรีรัช
ในส่วนของการออกแบบ โครงการได้รับแรงบันดาลใจจากที่มาของชื่อ ANIL ซึ่งมีความหมายถึง “สายลม” จึงได้เลือกใช้เส้นสายที่บางเบา และซ้อนชั้นกันเหมือนแผ่นกระดาษ เพื่อช่วยสะท้อนถึงรูปลักษณ์ของ “สายลม” ที่เคลื่อนไหว ให้แสดงออกมาปรากฏต่อสายตาได้อย่างชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งทางโครงการยังได้มุ่งตอบสนองการใช้ชีวิตแบบ Active และ Passive ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ผ่านการออกแบบที่ลงลึกในทุกรายละเอียด และให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ทั้งภายใน ภายนอก และส่วนกลางที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใจกลางเมือง แต่ยังคงความสงบ ผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว ซึ่งส่งเสริม ความ ”เป็น–อยู่–ดี” หรือ Well-being แบบองค์รวมของผู้พักอาศัยในทุกตารางนิ้ว
โดยตัวอาคารได้ออกแบบรูปลักษณ์ให้มีความร่วมสมัย และเลือกใช้วัสดุหินจริงจากธรรมชาติในการตกแต่งภายนอกเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรับรู้ถึงความรู้สึกสงบ สุขุม และผ่อนคลาย รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบให้มีความโปร่งโล่ง สบาย มีส่วนทึบน้อยที่สุด เพื่อลดการบดบังบรรยากาศโดยรอบ และอากาศถ่ายเทได้ดี อีกทั้งวัสดุและระบบอาคารที่เลือกใช้ รวมถึงการบริหารจัดการภายในโครงการ จะต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐาน WELL Building Standard ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยให้ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพ ในระดับเดียวกับอาคารที่พักอาศัยชั้นนำระดับโลก
นอกจากนี้ ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น Green Sanctuary สวนสีเขียวแสนสงบเคียงถนนสาทรสำหรับการพักผ่อน และสูดอากาศบริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับชีวิต Ozone Sky Pool สระว่ายน้ำรูปทรงตัว L shape ระบบโอโซน ที่แยกออกเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ Panoramic gym พื้นที่ออกกำลังกายท่ามกลางวิวอันสวยงามของใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมแยกจุดออกกำลังกายออกเป็นส่วนๆ ทั้งจุด Cardio, Weight Training, Serene Zone, Pilates Zone
และโซน Steam and Sauna AL FRESCO @ 12 ลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม ANIL Lounge เลาจน์ส่วนตัวสำหรับนั่งพักผ่อนแบบ Indoor ที่ดีทั้งระบบอากาศ ความสะดวกสบาย รวมถึงทัศนียภาพที่เปิดกว้าง Social Diningพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยงกับบรรยากาศดีๆ นอกจากนี้ยังออกแบบพื้นที่ส่วนกลางเฉพาะสำหรับเด็กๆ อย่าง Kids Room และ Library ที่มาพร้อมโซน Private Study Room เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็ก อีกทั้งยังมีระบบ AUTO PARKING ที่รองรับพื้นที่จอดรถทั้งโครงการได้มากถึง 110% พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยควบคุมการ เข้า – ออก โครงการด้วย Key Card Access และระบบ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งปัจจุบัน โครงการ อนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วที่ผ่านมาและสามารถกวาดยอดขายไปได้แล้วมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท ในฐานะโครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่ได้การรับรองจาก WELL Certified™ ระดับ GOLD ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโครงการคุณภาพมาตรฐานระดับสากลนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทยทางทีมงานและผู้มีส่วนร่วมทุกๆ คนมีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนนำร่องในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานให้วงการอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราที่ได้การยอมรับจากผู้ซื้อทั่วโลกอยู่แล้ว ให้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น” นางสาวทัดดาว กล่าว
ด้าน รศ.ดร.อรรจน์ เศรษฐบุตร อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, รองประธานสถาบันอาคารเขียวไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอฟริคัส จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกในรอบ 10 – 20 ปีที่ผ่านมา เริ่มส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหามลพิษทางอากาศ จนส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน
โดยเฉพาะการก่อสร้าง หรือออกแบบอาคาร ที่เริ่มมีการสร้างหรือพัฒนาอาคารในลักษณะของ Green Building ที่จะสะท้อนถึงความใส่ใจ รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมของผู้พัฒนา ซึ่งWELL Building Standard ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานการออกแบบระดับโลกที่ได้รับความเชื่อถืออย่างมากในเรื่องการออกแบบอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย และเป็นที่ยอมรับไปกว่า 125 ประเทศทั่วโลก ในทุกๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
“มาตรฐาน WELL Building Standard ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยสถาบัน International WELL Building Institute™ (IWBI) ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์และองค์กรชั้นนำระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้ความสำคัญกับ
“สุขภาวะ” ที่ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Well-being โดยมีความหมายครอบคลุมภาวะที่ “ร่างกาย” และ“จิตใจ” มีสุขภาพที่ดี รวมถึงภาวะที่บุคคลมีความมั่นคง อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีความปลอดภัยในชีวิต
ทั้งยังมุ่งเน้นผู้คนเพื่อพัฒนาวัฒนธรรมด้านสุขภาพทั่วโลก โดยกำหนดมาตรฐาน`อาคารที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อาศัยภายในอาคาร เพื่อประเมินสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิดสำคัญ 7 ข้อ ได้แก่ คุณภาพอากาศ, คุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้, สุขภาวะด้านอาหาร, สุขภาวะด้านแสงสว่าง, สุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย, ความสบาย และสุขภาวะทางจิตใจ
โดยมาตรฐานความเป็นอยู่ระดับโลก WELL Building Standard ที่โครงการอนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) นำมาใช้ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดี และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยอย่างยั่งยืนประกอบด้วยการคำนึงถึงปัจจัยสุขภาพสำคัญ 7 ชนิดได้แก่
ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับจำนวนผู้พักอาศัยภายในโครงการ รวมถึงมีคอร์สออกกำลังกายจากมืออาชีพ ที่จะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บริการ เพื่อให้ได้ทั้งออกกำลังกายและได้ความรู้ในการดูแลสุขภาพ
นับว่าเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานระดับสากล ที่สามารถช่วยยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้หันมาใส่ใจสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยกันอย่างจริงจัง ซึ่งโครงการอนิล สาทร 12 (ANIL Sathorn 12) ถือเป็นโครงการนำร่องเรื่องมาตรฐาน WELL ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโครงการคุณภาพระดับมาตรฐานสากล สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย” รศ.ดร.อรรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ “อนิล สาทร 12” (ANIL Sathorn 12) เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี สูง 42 ชั้น บนพื้นที่ 1-2-41.30 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท มีห้องพักอาศัยจำนวน 222ยูนิต แบ่งเป็น 5 รูปแบบ ประกอบไปด้วย ห้อง 1 BEDROOM ขนาด 45.00 – 46.00 ตร.ม., ห้อง 2BEDROOM ขนาด 62.00 – 92.50 ตร.ม., ห้อง 2BEDROOM PLUS ขนาด 111.00 – 114.50 ตร.ม., ห้อง 2 BEDROOM DUPLEX ขนาด 104.00 ตร.ม.และห้อง 3 BEDROOM ขนาด 109.50 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นเพียง 17.9 ล้านบาท* สำหรับห้อง 2 BEDROOM