ยูโอบีตั้งเป้าAUMโต10%

ลุ้นหุ้น1,570รับงบรัฐ-หมื่นดิจิทัล

บลจ.ยูโอบี ตั้งเป้าAUMฌต10%จากเดิมปี66ผลงานเยี่ยมทำยอดแตะ2.48แสนล้านบาท ปลื้มลูกค้าสถาบันแห่ลงทุนดันยอดโตกว่า1.9หมื่นล้าน ชูความร่วมมือกันภายใต้เครือข่าย UOB Group ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า พร้อมคาดหุ้นไทยปีนี้ 1,480 ลุ้นอัพเพิ่มแตะ1,570 รับเบิกจ่ายงบ-ดิจิทัลวอเลต

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UOBAM เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมาย AUM มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโตที่ระดับ 10% จากเดิมในปีปี2566 อยู่ที่ 248,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับปี2565 ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในไทยเติบโตเพียง 6% เท่านั้น โดยการเติบโตในปี2566 แบ่งเป็นกองทุนรวม (MF) มูลค่า 124,376 ล้านบาท โต 5% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)มูลค่า 67,830 ล้านบาท โต8% กองทุนส่วนบุคคล (PF) มูลค่า 55,895 ล้านบาท โต 25% รวมมูลค่าทั้งสิ้น 248,101ล้านบาท โต 10%

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าสถาบันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังให้กับการลงทุนของกลุ่มลูกค้าสถาบันได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มนำเอาปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)  เข้ามาสู่กระบวนการลงทุนนั้น สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มลูกค้าสถาบัน

“กลุ่มลูกค้าสถาบันมีการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท จากการนำเสนอผ่านธุรกิจ กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่กลุ่มลูกค้ารายบุคคลมีการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ร่วมมือในเครือข่ายกลุ่มยูโอบี และพันธมิตร การลงทุน นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุน เช่น CIO Funds, Term Fund, Private Equity Fund และ Thai ESG fund มั่นใจ ปีนี้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเติบโตก้าวกระโดดเหมือนช่วงปีมาแน่นอน “ นายวนา กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ลงทุน จากความร่วมมือกันภายใต้เครือข่าย UOB Group เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายบุคคลของธนาคารยูโอบี ที่ร่วมกับทีม UOB Private Banking CIO ของสิงคโปร์ นำเสนอ 2 เป้าหมายการลงทุนผ่าน CIO Funds คือ เพื่อโอกาสสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ  ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อินคัม ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UIFT-N) เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของเงินลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกรท ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (UGFT) ซึ่งมีจุดเด่นลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละภาวะตลาด

*ลุ้นหุ้นไทยพีคแตะ1,570**

นายวนา กล่าวอีกว่า มุมมองการลงทุนปี2567 ตลาดหุ้นไทยคาดดัชนีปีนี้ที่ 1,4801จุด หากมีการเร่งเบิกจ่ายหรือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยแบบเร่งตัวมากขึ้น ดัชนีมีโอกาสแตะที่ระดับ1,570จุดได้  ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์แนะ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสุขภาพ ขณะที่ในไตรมาสที่ 4/2566ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลง โดยเผชิญกับแรงขายต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่ลดลงและความกังวลในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ตรงจุดและเพิ่มภาระทางการคลังในระยะยาว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาช้ากว่าที่คาด

ภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนด้วยปัจจัย ESG นั้น เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่ UOB Group ได้นำเอาแนวทางระดัสากลของ PRI (Principles for Responsible Investment) มาปรับใช้ในทุกมิติขององค์กร โดยในปีที่ผ่านมา บลจ. ยูโอบี ได้รับรางวัลด้าน ESG ถึง 3 รางวัลจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่

1) Best Asset Management Company Awards : ESG, SET award จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับเมื่อ ปี 2023

2) Best Sustainable Investments Thailand จาก Citywire Asia ได้รับเมื่อ ปี 2023 และ 3) Best ESG Manager (Thailand), จาก Asia Asset Management ได้รับเมื่อ ปี 2023

รางวัลดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำในการผลักดันนโยบาย ESG ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ไม่เพียงแต่ในระดับของธุรกิจ ในระดับนโยบายภาครัฐเองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัจจัย ESG ล่าสุดจึงได้มีการสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน THAIESG เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย และ บลจ.ยูโอบี ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว โดยได้นำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล – ชนิดหน่วยลงทุนไทยเพื่อความยั่งยืนและไม่จ่ายเงินปันผล (UTSEQ-THAIESG) ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาการของ ESG ในตลาดทุนไทย

ด้วยความร่วมมือกันภายใต้เครือข่าย UOB Group เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายบุคคลของธนาคารยูโอบี จึงร่วมกับทีม UOB Private Banking CIO ของสิงคโปร์ นำเสนอ 2 เป้าหมายการลงทุนผ่าน CIO Funds คือ เพื่อโอกาสสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (Income) ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อินคัม ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UIFT-N) และ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของเงินลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกรท ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (UGFT) ซึ่งมีจุดเด่นลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละภาวะตลาด

สำหรับกลุ่มลูกค้าสถาบัน โดยร่วมมือกับทีม Group Wholesale Banking ของธนาคารยูโอบี เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการให้บริการของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

นอกจากนี้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ บลจ.ยูโอบี ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือกลงทุนในหน่วย Private Equity หรือหุ้นนอกตลาดที่มีศักยภาพผ่านกองทุนหลัก ซึ่งคัดเลือกพันธมิตรการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกความสำเร็จในการสรรหาผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาว

นอกจากนี้ ภายใต้การบริหารกองทุนอย่างมืออาชีพ ล่าสุด บลจ.ยูโอบี ได้รับ รางวัล Best Multi-Asset Manager จาก Asia Asset Management เมื่อต้นปี 2024 นับเป็นครั้งแรกของ บลจ.ยูโอบี ที่ได้รับรางวัลสาขานี้ และ กองทุนเปิด ยูโอบี ชัวร์ เดลี – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (UOBSD-SSF) ได้รับรางวัล Best Fund of the Year 2023, SSF Fixed Income Fund จากวารสารการเงินธนาคาร ซึ่งได้รับในปี 2023 เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทชั้นนำในด้านการจัดการทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินครอบคลุมกลุ่มลูกค้าสถาบันและลูกค้ารายบุคคล

นายวนา ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางกลยุทธ์ในปี 2024 บลจ.ยูโอบี จะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนที่เหมาะสมกับแต่ละสภาวะตลาด และให้คำปรึกษาการลงทุนแบบครบวงจร (One-stop advisory services) ส่วนการขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าสถาบันจะเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินแบบองค์รวม มุ่งหวังตอบโจทย์ครอบคลุมทุกมิติด้านการเงิน ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแต่การจัดการลงทุนเท่านั้น (Beyond Investment) โดยร่วมมือกันภายใต้เครือข่าย UOB Group และได้นำปัจจัย ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บลจ.ยูโอบี อยู่ระหว่างการพิจารณานำเอาแนวคิด Artificial Intelligence (AI) มาใช้ในกระบวนการลงทุนอีกด้วย เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวและเป็นการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมกองทุนของไทยให้มีความยั่งยืน

**ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคปี 2023 และมุมมองการลงทุนปี 2024**

เศรษฐกิจโลกในปี 2023 เติบโตที่ 3.10% และคาดการณ์จะปรับลดลงที่ 2.70% ในปีนี้ และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.00% ในปีหน้า (ที่มา : Bloomberg Analyst Consensus as of 8 February 2024) จากที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องและชะลอตัวในลักษณะน้อยกว่าที่ตลาดกังวล (Better Than Fear) รวมถึงทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนและภาคการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวแบบไม่รุนแรง (Soft Landing) และเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัฏจักรเศรษฐกิจระยะปลาย (Late Cycle) สำหรับตลาดหุ้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรง จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน รวมถึงภาคการจ้างงานที่ชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีความผันผวนมากขึ้นหลังจากแนวโน้มการฟื้นตัวจากการเปิดประเทศเริ่มหมดไปและเผชิญกับความท้าทายจากอุปสงค์ภายนอกที่ชะลอตัวลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตลดลง โดยมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความเปราะบางของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยแม้ว่าจะมีการกระตุ้นจากภาครัฐออกมาแล้ว แต่ยังมีความท้าทายของรัฐบาล คือ การหาจุดสมดุลทางนโยบายในการแก้ปัญหาระยะสั้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กับการเติบโตระยะยาวของเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ในไตรมาสที่ 4/2023 ปรับตัวลดลง โดยเผชิญกับแรงขายต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่ลดลงและความกังวลในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ตรงจุดและเพิ่มภาระทางการคลังในระยะยาว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาช้ากว่าที่คาด และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกที่กระทบต่อภาคการส่งออก จากภาพรวมเศรษฐกิจดังกล่าว ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามดังนี้

1) อัตราเงินเฟ้อที่แม้ว่าจะปรับตัวลดลงแล้วแต่ต้องติดตามดูพัฒนาการว่าจะสามารถปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

2) ความสอดคล้องกันระหว่างการดำเนินนโยบายทางการเงินของ Fed ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการบริหารความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย

3) จับตาดูผลจาก Credit Conditions ที่เข้มงวดก่อนหน้านี้มากขึ้น ว่าจะส่งผ่านไปยัง Real Sector มากน้อยแค่ไหน

บลจ.ยูโอบี มีมุมมองว่าการบริหารความเสี่ยงท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญและต้องอาศัยการคัดสรรและการกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์ควบคู่กันไปด้วย จึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการถือครองเงินสดและตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น เนื่องจากวัฏจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนทั่วโลก เนื่องจาก Treasury ที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ระดับ Yield ในฝั่ง Credit มีความน่าสนใจมากกว่า ในขณะเดียวกันแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่า จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ Credit Spread ปรับตัวลดลงได้อีก ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ยังคงต้องอาศัยการคัดสรรตราสารที่มากขึ้น (Selection) เช่น การใช้ปัจจัย ESG เพื่อคัดกรองบริษัทที่มีคุณภาพและช่วยลดความผันผวน และ Downside จากการลงทุน ในขณะเดียวกันได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มประเทศในฝั่งเอเชียที่มี Valuation ที่น่าสนใจและมีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจะไหลกลับหลังจากทิศทางดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยการจัดสรรการลงทุนดังกล่าว เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้แม้ในช่วงเวลาที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง

บลจ. ยูโอบี ขอแนะนำทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุน ตามวัตถุประสงค์ในการลงทุนของผู้ลงทุน ดังนี้

1. เพื่อบริหารสภาพคล่อง

o กองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (TCMF) ระดับความเสี่ยง 1

o กองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนนิติบุคคล (TCMF-I) ระดับความเสี่ยง 1 เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพและมีสภาพคล่อง ลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรภาคเอกชนที่อยู่ในระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป กองทุนกลุ่มนี้มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับการบริหารสภาพคล่องในภาวะที่ตลาดผันผวน

2. เพื่อโอกาสกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ และรับความผันผวนได้ปานกลาง

o กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS) ระดับความเสี่ยง 5 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้หลากหลายประเภททั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

3. เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (CIO Funds) และรับความผันผวนได้ปานกลาง

o เพื่อโอกาสสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (Income) : กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อินคัม ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UIFT-N) ระดับความเสี่ยงกองทุน 6  ลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *