บมจ.เอสวีไอ หรือ SVI ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิคส์สำเร็จรูปให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม โชว์ฟอร์มผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3/65 เติบโตต่อเนื่อง 6 ไตรมาส ทำรายได้รวม 7,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.9%
มีกำไรสุทธิ 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รับดีมานด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์อุปกรณ์สื่อสาร 5G พุ่ง แถมรับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า หนุน 9 เดือน ทำกำไรสุทธิ 1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.7% มั่นใจทั้งปีเติบโตตามแผน
นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565(กรกฎาคม–กันยายน) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 ด้วยผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำรายได้รวม 7,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.9% และมีกำไรสุทธิ 598 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยความสำเร็จมาจากศักยภาพด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ของ SVI สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนที่มีออเดอร์สั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกัน การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท โทโฮกุ ไพโอเนียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในรถยนต์แบบสันดาปและยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าและตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าได้ดี เช่นเดียวกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์กลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายไร้สายสำหรับการสื่อสาร 5G และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่ใช้ในกล้องวงจรปิดสามารถขยายตัวต่อเนื่อง จากฐานลูกค้าเดิมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสามารถเอาชนะความท้าทายกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต รวมถึงได้รับประโยชน์เชิงบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่า ยังช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม–กันยายน) ทำรายได้รวม 18,689 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,282 ล้านบาท เติบโตถึง 60% และ 53.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
“ความสำเร็จจากผลการดำเนินงานงวด 3/65 และ 9 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SVI ที่แข็งแกร่งจากการบริหารจัดการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสากหรรมที่เป็นเทรนด์ของโลก รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการปรับราคาสินค้าสอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราสามารถสร้างผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่น” นายสมชาย กล่าว
กรรมการผู้จัดการ SVI กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ SVI มั่นใจว่าทำให้รายได้เติบโตได้ตามแผน โดยนำศักยภาพด้านการผลิตและการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้รวมสูงถึง 26,000 ล้านบาท